อาหารที่ถูกย่อยไปบ้างแล้ว
และได้คลุกเคล้ากับน้ำย่อยในกระเพาะอยู่ในสภาพที่เป็นกรด มีลักษณะเหมือนข้าวต้ม
เรียกว่าคายม์ที่มีฤทธิ์เป็นกรด (Acid Chyme) คายม์ที่มีฤทธิ์เป็นกรดนี้จะผ่านลงสู่ลำไส้เล็ก
แล้วถูกย่อยต่อในลำไส้เล็กอาหารถูกย่อยและดูดซึมมากที่สุดที่ลำไส้เล็กนี้เอง
ประมาณ 92-97% ของอาหารทั้งหมดที่กินเข้าไป
อาหารในสภาพคายม์เมื่อตกถึงลำไส้เล็ก
จะถูกย่อยโดยการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก น้ำย่อยจากตับอ่อน (pancreatic
juice), น้ำย่อยจากลำไส้เล็กเอง (intestinal
juice หรือ Succus entericus) และน้ำดี
(Bile)
การเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก
ลำไส้เล็กมีการเคลื่อนไหวหรือการบีบตัว 2 แบบ คือ
1. เป็นการเคลื่อนไหวแบบหดรีดอาหารเป็นลูกคลื่นส่งต่อๆ
ไปในระยะทางใกล้ๆ หรือไกลๆ ตลอดลำไส้ เรียกการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็กแบบนี้ว่า Perislaltic
movement
2. เป็นการเคลื่อนไหวแบบบีบรูดอาหารให้แบ่งออกเป็นท่อนเล็กๆ
โดยการหดตัว เฉพาะที่ของลำไส้เพื่อคลุกเคล้าอาหารให้ปนกับน้ำย่อยอาหาร
เรียกการเคลื่อนไหวแบบนี้ว่า Segmental Contraction
น้ำย่อยจากตับอ่อน
น้ำย่อยจากตับอ่อนจะถูกขับออกมาสู่ลำไส้เล็กตอนต้น
ภายใน 1-2 นาทีภายหลังเริ่มกินอาหารโดยปฏิกริยารีเฟล็กซ์
จากการกระตุ้นที่ปุ่มรับรส (Taste Bud) และมี Impulse จากสมองมาตาม
Vegus Nerve น้ำย่อยจากตับอ่อนมีฤทธิ์เป็นด่าง
ซึ่งประกอบด้วยน้ำย่อยที่สำคัญ คือ
1. น้ำย่อยที่ย่อยโปรตีน
- ทริปซิน (Trypsin) ย่อยอาหารโปรตีน
โปรตีโอส และเพปโตน ที่ได้จากการย่อยของเพปซินให้เป็นกรดอะมิโน
แต่ก็ยังมีเหลือเป็นเพปโตนและเพปไตด์ (Peptides) คือ
โพลีเพปไทด์ และไดเพปไทด์
- ไคโมทริปซิน (chymotripsin) ย่อยโปรตีนให้เป็นโพลีเพปไทด์
ไดเพปไทด์ (ทั้งสองอย่างเรียกรวมๆ ว่า เพปไทด์) และกรดอะมิโน
- โปลิเพปติเดส (Polypeptidase) หรือคาร์บอกซิเพปติเดส
(Carboxypeptidase) ย่อยเพปโตน โปรตีโอส และเพปไตด์
ที่เหลือจากการย่อยของทริปซิน และเพปซิน ให้เป็นกรดอะมิโน ไตรเพปไทด์ และไดเพปไทด์
2. น้ำย่อยที่ย่อยคาร์โบรไฮเดรต
- อะมิเลส (Amylase) หรือ
อะมิลอปซิน (Amylopsin) ย่อยทั้งแป้งที่สุกและแป้งดิบ ให้เป็นเดกซตริน
แล้วย่อยเดกซตรินและไกลโคเจนให้เป็นน้ำตาลมอลโทส
3. น้ำย่อยที่ย่อยไขมัน
- ไลเพส (Lipase) หรือ
สตีบซิน (steapsin) ย่อยไขมันที่ได้ผสมกับน้ำดีจนแตกตัวเป็นหยดเล็กๆ
สามารถละลายในน้ำได้ (Emulsified Lipids) ให้เป็นกรดไขมันกลีเซอรอล
โมโนกลีเซอไรด์ (Monoglyceride) และ ไดกลีเซอไรด์ (Diglyceride)
ซึ่งพร้อมที่จะดูดซึมต่อไป
น้ำย่อยจากลำไส้เล็ก
มีลักษณะเป็นน้ำใสสีเหลืองมีฤทธิ์เป็นด่าง
ประกอบด้วยน้ำย่อยที่สำคัญ คือ
1. น้ำย่อยที่ย่อยโปรตีน
- อะมิโนเพปติเดส (Aminopeptidase) หรือ
โปลิเพปติเดส (Polypeptidase) ย่อย โพลีเพปไทด์ให้เป็นไตรเพปไทด์
ไดเพปไทด์ และกรดอะมิโน
- ไดเพปติเดส (Dipeptidase) หรืออีเรปซิน
(Erepsin) ทำหน้าที่ย่อยไดเพปไทด์ให้เป็นกรดอะมิโน
2.น้ำย่อยที่ย่อยคาร์โบรไฮเดรต
- ซูเครส (Sucrase) หรือ
อินเวอร์เทส (invertase) ย่อยซูโครสให้เป็นกลูโคส และฟรุคโทส
- มอลเทส (Maltase) ย่อยมอลโทสให้เป็นกลูโคส
- แลคเทส (Lactase) ย่อยแลคโทสให้เป็นกาแลคโทส
กับกลูโคส
3. น้ำย่อยที่ย่อยไขมัน
- อินเทสตินอล ไลเพส (intestinal Lipase) ย่อยไขมันไตรกลีเซอไรด์
ให้เป็นกรดไขมันกับกลีเซอรอล
ตับ (Liver) และถุงน้ำดี (Gallbladder)
-ตับ (Liver) ทำหน้าที่สร้างน้ำดีส่งให้ถุงเก็บน้ำดี
-ถุงน้ำดี (Gallbladder) เป็นที่เก็บน้ำดีที่สร้างจากตับ น้ำดีมีสีเหลืองปนเขียวรสขม มีฤทธิ์เป็นเบส ถุงน้ำดีทำหน้าที่สะสมน้ำดีทำให้น้ำดีเข้มข้น และขับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น
-ถุงน้ำดี (Gallbladder) เป็นที่เก็บน้ำดีที่สร้างจากตับ น้ำดีมีสีเหลืองปนเขียวรสขม มีฤทธิ์เป็นเบส ถุงน้ำดีทำหน้าที่สะสมน้ำดีทำให้น้ำดีเข้มข้น และขับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น
การย่อยโปรตีน
การย่อยคาร์โบรไฮเดรต
การย่อยไขมัน