วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การย่อยอาหารในลำไส้เล็ก


      อาหารที่ถูกย่อยไปบ้างแล้ว และได้คลุกเคล้ากับน้ำย่อยในกระเพาะอยู่ในสภาพที่เป็นกรด มีลักษณะเหมือนข้าวต้ม เรียกว่าคายม์ที่มีฤทธิ์เป็นกรด (Acid Chyme) คายม์ที่มีฤทธิ์เป็นกรดนี้จะผ่านลงสู่ลำไส้เล็ก แล้วถูกย่อยต่อในลำไส้เล็กอาหารถูกย่อยและดูดซึมมากที่สุดที่ลำไส้เล็กนี้เอง ประมาณ 92-97% ของอาหารทั้งหมดที่กินเข้าไป
                                                                                        
อาหารในสภาพคายม์เมื่อตกถึงลำไส้เล็ก จะถูกย่อยโดยการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก น้ำย่อยจากตับอ่อน (pancreatic juice), น้ำย่อยจากลำไส้เล็กเอง (intestinal juice หรือ Succus entericus) และน้ำดี (Bile)

การเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก ลำไส้เล็กมีการเคลื่อนไหวหรือการบีบตัว 2 แบบ คือ
1. เป็นการเคลื่อนไหวแบบหดรีดอาหารเป็นลูกคลื่นส่งต่อๆ ไปในระยะทางใกล้ๆ หรือไกลๆ ตลอดลำไส้ เรียกการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็กแบบนี้ว่า Perislaltic movement

2. เป็นการเคลื่อนไหวแบบบีบรูดอาหารให้แบ่งออกเป็นท่อนเล็กๆ โดยการหดตัว เฉพาะที่ของลำไส้เพื่อคลุกเคล้าอาหารให้ปนกับน้ำย่อยอาหาร เรียกการเคลื่อนไหวแบบนี้ว่า Segmental Contraction


น้ำย่อยจากตับอ่อน
น้ำย่อยจากตับอ่อนจะถูกขับออกมาสู่ลำไส้เล็กตอนต้น ภายใน 1-2 นาทีภายหลังเริ่มกินอาหารโดยปฏิกริยารีเฟล็กซ์ จากการกระตุ้นที่ปุ่มรับรส (Taste Bud) และมี Impulse จากสมองมาตาม Vegus Nerve น้ำย่อยจากตับอ่อนมีฤทธิ์เป็นด่าง ซึ่งประกอบด้วยน้ำย่อยที่สำคัญ คือ

1. น้ำย่อยที่ย่อยโปรตีน
          - ทริปซิน (Trypsin) ย่อยอาหารโปรตีน โปรตีโอส และเพปโตน ที่ได้จากการย่อยของเพปซินให้เป็นกรดอะมิโน แต่ก็ยังมีเหลือเป็นเพปโตนและเพปไตด์ (Peptides) คือ โพลีเพปไทด์ และไดเพปไทด์

          - ไคโมทริปซิน (chymotripsin) ย่อยโปรตีนให้เป็นโพลีเพปไทด์ ไดเพปไทด์ (ทั้งสองอย่างเรียกรวมๆ ว่า เพปไทด์) และกรดอะมิโน

          - โปลิเพปติเดส (Polypeptidase) หรือคาร์บอกซิเพปติเดส (Carboxypeptidase) ย่อยเพปโตน โปรตีโอส และเพปไตด์ ที่เหลือจากการย่อยของทริปซิน และเพปซิน ให้เป็นกรดอะมิโน ไตรเพปไทด์ และไดเพปไทด์

2. น้ำย่อยที่ย่อยคาร์โบรไฮเดรต
           - อะมิเลส (Amylase) หรือ อะมิลอปซิน (Amylopsin) ย่อยทั้งแป้งที่สุกและแป้งดิบ ให้เป็นเดกซตริน แล้วย่อยเดกซตรินและไกลโคเจนให้เป็นน้ำตาลมอลโทส

3. น้ำย่อยที่ย่อยไขมัน
          - ไลเพส (Lipase) หรือ สตีบซิน (steapsin) ย่อยไขมันที่ได้ผสมกับน้ำดีจนแตกตัวเป็นหยดเล็กๆ สามารถละลายในน้ำได้ (Emulsified Lipids) ให้เป็นกรดไขมันกลีเซอรอล โมโนกลีเซอไรด์ (Monoglyceride) และ ไดกลีเซอไรด์ (Diglyceride) ซึ่งพร้อมที่จะดูดซึมต่อไป


น้ำย่อยจากลำไส้เล็ก
มีลักษณะเป็นน้ำใสสีเหลืองมีฤทธิ์เป็นด่าง ประกอบด้วยน้ำย่อยที่สำคัญ  คือ

1. น้ำย่อยที่ย่อยโปรตีน
          - อะมิโนเพปติเดส (Aminopeptidase) หรือ โปลิเพปติเดส (Polypeptidase) ย่อย โพลีเพปไทด์ให้เป็นไตรเพปไทด์ ไดเพปไทด์ และกรดอะมิโน

          - ไดเพปติเดส (Dipeptidase) หรืออีเรปซิน (Erepsin) ทำหน้าที่ย่อยไดเพปไทด์ให้เป็นกรดอะมิโน

2.น้ำย่อยที่ย่อยคาร์โบรไฮเดรต
          - ซูเครส (Sucrase) หรือ อินเวอร์เทส (invertase) ย่อยซูโครสให้เป็นกลูโคส และฟรุคโทส

          - มอลเทส (Maltase) ย่อยมอลโทสให้เป็นกลูโคส

          - แลคเทส (Lactase) ย่อยแลคโทสให้เป็นกาแลคโทส กับกลูโคส

3. น้ำย่อยที่ย่อยไขมัน
          - อินเทสตินอล ไลเพส (intestinal Lipase) ย่อยไขมันไตรกลีเซอไรด์ ให้เป็นกรดไขมันกับกลีเซอรอล


ตับ (Liver) และถุงน้ำดี (Gallbladder)

     -ตับ (Liver)  ทำหน้าที่สร้างน้ำดีส่งให้ถุงเก็บน้ำดี
     -
ถุงน้ำดี (Gallbladder) เป็นที่เก็บน้ำดีที่สร้างจากตับ  น้ำดีมีสีเหลืองปนเขียวรสขม  มีฤทธิ์เป็นเบส  ถุงน้ำดีทำหน้าที่สะสมน้ำดีทำให้น้ำดีเข้มข้น และขับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น



การย่อยโปรตีน



 การย่อยคาร์โบรไฮเดรต


           การย่อยไขมัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น